ชื่อหนังสือ : ไดอารี่แห่งแรงบันดาลใจ
โดย : เอกชัย วรรณแก้ว
ขนาด : 15.1 x 21.3 เซนติเมตร จำนวนหน้า : 144 หน้า
กระดาษเนื้อใน : กระดาษถนอมสายตา 75 แกรม
กระดาษปก : อาร์ตมัน 157 แกรม พิมพ์ 4 สี เคลือบ พีวีซีด้าน หุ้มจั่วปัง
ราคา : 359 บาท Barcode:
ผลิตโดย: บ้านศิลปะเอกชัย วรรณแก้ว
จัดจำหน่าย : บริษัท วิช กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด
ไดอารี่แห่งแรงบันดาลใจ
จุดเด่นที่สำคัญ :
1. ปฏิทิน 12 เดือน สำหรับผู้ใช้สามารถเปิดดูวันที่ และเดือน พร้อมเขียนโน้ต ลงนัดในโอกาสต่างๆ ได้
2. คำคมสร้างแรงบันดาลใจ โดย เอกชัย วรรณแก้ว ศิลปินไร้แขน นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ กว่า 72 คำคม
3. รายได้จากการจำหน่ายสมทบบ้านศิลปะเอกชัย วรรณแก้ว เพื่อผู้ด้อยโอกาส
ตัวอย่างคำคม :
1. การตั้งใจก็เหมือนกับ “การตั้งเข็มทิศ” หากตั้งเข็มถูก “เราก็เดินทางถูก”
2. เส้นคั่นบางๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิต คือ การตัดสินใจของเราเอง
3. แม้ร่างกายเราไม่เท่ากัน สิ่งที่ทำให้คนสำเร็จ - ล้มเหลวต่างกันที่ “พลังชีวิต”
5. การชนะใจตัวเองได้ เท่ากับ “การเอาชนะโชคชะตาได้ด้วย”
6. เพียงแต่เรากล้าออกมาจาก “ความกลัว ความทุกข์ ความท้อ” ที่มัดหัวใจเราไว้โลกใบใหม่รอ “ผู้กล้า”
7. คำว่า “ยอมแพ้” เราจะยอมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่มีเพียง “ชัยชนะ” เท่านั้นที่เปลี่ยนชีวิตเราได้
8. ชีวิตหกล้ม ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือ “เราไม่ยอมลุกต่างหาก”
9. บางคนแค่เห็นความมืดก็กลัวแล้ว นั่นก็คือ “จบตั้งแต่จุดเริ่มต้น”
10. หากเราตัวไม่โต ก็ให้ก้าวเล็กๆ แต่สม่ำเสมอ เชื่อว่า “เราถึงเส้นชัยในสักวัน”
11. ความล้มเหลวเป็นเพียงบททดสอบ มิใช่บทสรุป “อย่าไปกลัวการที่จะก้าวต่อไป”
12. ถ้าเราเผื่อใจไว้ อย่างน้อยก็เป็นการเตือนสติตัวเองว่าเราจะ “ไม่หลงไปกับความสุขและความทุกข์”
13. การสูญเสียที่น่ากลัวที่สุด คือ “การสูญเสียศรัทธาในตัวเอง”
14. ไม่ว่าเรื่องดีหรือร้ายที่ผ่านเข้ามา อย่าเสียเวลาโทษโชคชะตา
“แต่จงลิขิตโชคชะตาใหม่” ด้วยการกระทำของตัวเองดีกว่า
15. คนที่ไม่มีความฝัน ก็เหมือนเดินทางไกลแต่มีจุดหมาย “การมีจุดหมาย” ทำให้เราใช้ชีวิตไปวันๆ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม คุณค่าชีวิตอยู่ตรงนี้
16. “อย่ายอมแพ้” ถ้ายังไม่หมดเวลา จงทำให้สุดกำลังเท่าที่ยังมีลมหายใจ
17. มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่เปลี่ยน “ความฝัน” ให้เป็น “ความจริง” ได้
18. เกิดมาไม่ง่าย แต่เราก็ได้เกิดมาแล้ว ฉะนั้นจง “ภูมิใจในตัวเอง” ให้มากๆ
19. จงภูมิใจในสิ่งที่ตัวเอง “มี” และ “เป็น” เพราะเรามีเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้
20. เราลืมไปว่า ชีวิตนับถอยหลังลงทุกวัน “เพราะเราทุกคนมีเวลาเหลืออยู่ในโลกจำกัด”
21. “การก้าวออกไปสู้” แม้จะสำเร็จหรือล้มเหลว มันก็น่าภูมิใจกว่าการรอโชคชะตาที่ไม่รู้อนาคต
22. การลงมือทำอะไรสักอย่างคือ “เราต้องเห็นภาพความสำเร็จนั้นให้ชัดเจน”
23. “ผู้ที่ไม่มีเป้าหมาย” ก็เหมือนมีเพียงร่างกาย แต่ไร้วิญญาณ
24. “เป้าหมาย” ทำให้เรารู้ว่า “เกิดมาทำไม” และจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไร
25. สิ่งที่ทำร้ายเรามากที่สุด คือ “ความคิดเราเอง” สิ่งที่มาบั่นทอนพลังงานเรามากที่สุดก็คือ ความคิดเราเอง ฉะนั้น การพ้นจากความทุกข์คือ “การมองโลกบวก”
26. “พึ่งตัวเองให้มาก” หากเราทำอะไรได้ “จงทำด้วยตัวเอง” อย่าไปหวังพึ่งใคร อย่ามองไปข้างหลัง ให้มองไปข้างหน้า
27. การไม่ติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว ก็มองไปข้างหน้า คือ “วันนี้ พรุ่งนี้ เราจะทำให้ดี”
28. พระที่น่าแขวนมากที่สุด ชื่อว่า “พยายาม” และเชื่อว่าทุกคนมี “ของดี” อยู่ในตัวเราเอง
29. ถ้าเราไม่ก้าวด้วยขาของเราเอง ชาตินี้เราจะไม่มีวันรู้ว่า “รอยเท้าของเรา” เป็นอย่างไร
30. การมองอย่ามองด้วยตาเดียว “แต่ให้มองด้านความรู้สึกด้วย”
31. หากอยากเป็นคนที่มีค่า “ต้องมีมุมมองที่เป็นประโยชน์” ทั้งต่อตนเองและส่วนรวม
32. การเรียนรู้จากโลกภายนอก เราจะได้ประสบการณ์ “การเรียนรู้ผ่านหัวใจ เราจะได้ความจริง”
33. โลกใบนี้มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “การเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
34. “อย่าให้ข้อจำกัด” มากักขังหัวใจเราเด็ดขาด
35. “ความผิดพลาด” หรือ “ความสมหวัง” ในชีวิต ก็เหมือนหนังสือที่เราอ่านจบแล้ว เราได้เรียนรู้ผลลัพธ์จากมันแล้ว
36. ทุกสิ่งในชีวิตหากเราทำเต็มที่แล้ว “บางทีก็ต้องปล่อย” เป็นไปตามธรรมชาติบ้าง
37. งานทุกอย่างจะมีชีวิต “ถ้าเราใส่หัวใจลงไป”
38. คำดูถูก สบประมาท ปรามาส แก้ได้ด้วยการ “ลงมือทำให้เห็น” เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
39. บางทีเราก็ต้องบอกตัวเองว่า “ช่างมัน ไม่เป็นไร” มันจะทำให้เราไปต่อได้
40. “ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” ลาภ ยศ สรรเสริญ จะตามมาเอง
41. บางครั้งสิ่งที่มีค่า “ก็ไม่จำเป็นต้องมีราคา” บางครั้งราคา “ก็ไม่อาจตัดสินคุณค่าได้เสมอไป”
42.”ยิ้มสู่กับปัญหา” คือ การลองพยายามให้สุดความสามารถก่อนจะพูดคำว่า “ไม่ได้”
43. “การยิ้ม” ไม่ต้นทุนไม่เคยทำร้ายใคร เราใช้ได้กับทุกคน และเป็นการเปิดโอกาสให้มิตรภาพใหม่ อีกด้วย
44. “การเรียนรู้ความผิดพลาด” เพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดอีก
45. จุดเล็กๆ ที่คนมองข้าม คือ “ความรู้สึกของคนรอบตัว”
46. ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่เสมอไป “แต่ให้เป็นฟันเฟืองเล็กๆ” ที่ทำให้โลกหมุนต่อไป
ด้วยการทำหน้าที่ของตัวเอง
47. ไม่ว่าสิ่งรอบตัวจะเปลี่ยนไป “แต่การอ่อนน้อมถ่อมตน” ยังเป็นสิ่งที่ผมระลึกอยู่เสมอ
48. ชีวิตคนเรา ก็มีส่วนผสมของหลายสี กลายเป็น “สีสันของชีวิต” ที่ทุกคนมีสิทธิ์วาดชีวิตตัวเองได้
49. เมื่อเราผิดพลาดแล้ว เราต้องปรับปรุง “อย่าไปจมอยู่ในความรู้สึกผิดพลาดเดิมๆ”
50. “คนที่ประสบความสำเร็จ” คือ คนที่เคยล้มเหลวมามากกว่าคนอื่น
51. ทำให้เราดูเป็นมืออาชีพ มีความพร้อม ความเป็นมืออาชีพนั้น คือ “ความน่าเชื่อถือ”
52. หากเราคิดว่าตัวเองไม่มีช่วงเวลาดีๆ ในชีวิต “จงสร้างช่วงเวลาดีๆ” ให้เกิดขึ้นด้วยมือของเราเอง
53. “ทุกคนมีเวลาเท่ากัน” อยู่ที่ใครจะใช้เวลา ให้มีประโยชน์มากที่สุดต่างหาก
54. “ความโดดเด่น” คือการทำให้ทุกคนเห็นเราชัดขึ้น
55. “จงกล้าในสิ่งที่ถูก” และ “อายในสิ่งที่ผิด” มีโอกาสให้รีบทำทันที
56. “การให้ที่แท้จริง” มันจะจบที่หัวใจเป็นสุขต่างหาก
57. เพื่อนแท้หาได้จาก “ช่วงเวลาอันเลวร้ายของชีวิต”
58. ทุกความพยายาม อาจจะไม่สำเร็จ “แต่ทุกความสำเร็จต้องเกิดจากความพยายาม”
59. “จินตนาการ” ไม่มีคำว่า แก่เกินไป “ความรู้” ไม่มีคำว่า ช้าเกินไป
60. จินตนาการมี “คุณค่า” ในตัวเองเสมอ เราเหลือแค่ “ลงมือทำ” ให้มันเป็นความจริง
61. บางครั้ง “แค่มีคำพูดดีๆ ให้กัน” แค่นี้เขาก็รักเราแล้ว
62. ความรู้สึกของเราและคนรอบตัว เราเลือกได้ว่า “จะเติมไฟให้ความทุกข์” หรือ “ใส่ใจกับความสุข”
63. “ประสบการณ์” จะสอนให้รู้ว่า เราควรทำอะไร และไม่ควรทำอะไร
64. “บางทีชีวิตของเราล้มลงบ้างก็ได้” จะได้รู้ว่า มีใครบ้างที่อยู่ข้างเรา
65. “โอกาสดีๆ มีไม่บ่อย” หากเราพลาดไปแล้ว อาจไม่ได้พบกันอีกเลย
66. “ปริญญาชีวิต” ไม่มีสอนในชั้นเรียน แต่ “ประสบการณ์” จะมอบปริญญาให้เรา
67. ท้ายที่สุดของชีวิต เราต้องก้าวสู่จุดนั้น คือ “บัวเหนือน้ำ” ที่สร้างคุณงามความดีให้อยู่คู่โลกใบนี้
68. ช่วงเวลาที่งดงามและน่าจดจำ คือ “ชีวิตที่ชนะอุปสรรคต่างๆ” ด้วยใจที่แข็งแกร่ง
69. เมื่อถึงวันที่ชีวิตแบ่งบาน จึงเป็นชีวิตที่สวยงามด้วย “คุณค่า” ของตัวเราเอง
70. จะแพ้หรือชนะ จะสำเร็จหรือล้มเหลว “สุดท้ายวัดกันที่ใจ”
71. การมีชีวิตอยู่ ตามหลักพระพุทธศาสนา ก็เพื่อ “ละความชั่ว ทำความดี”
72. ลมหายใจทุกคนมีเท่ากัน คือ “หายใจเข้า กับหายใจออก” แต่เราใช้ประโยชน์ต่างกัน